วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หน่วยที่ 2 ส่วนประกอบภายในตัวเครื่อง

สาระสำคัญ

          ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  ประกอบด้วย อุปกรณ์ต่างๆ มากมายได้แก่ กล่องแหล่งจ่ายไฟ, แผ่นเมนบอร์ด, ตัวขับแผ่นดิสก์, ฮาร์ดดิสก์, ตัวขับแผ่นขับซีดีหรือดีวีดี และอุปกรณ์ซึ่งติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ด ได้แก่ ซีพียู แผงหน่วยความจำและการ์ดควบคุมต่างๆ โดยทุกส่วนเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของเครื่อง จึงควรศึกษารายละเอียดและแยกความแตกต่างเพื่อให้สามารถเลือกซื้อและใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์


เรื่องที่ศึกษา



  • ส่วนประกอบภายในตัวเครื่อง
  • ส่วนประกอบต่างๆ บนแผ่นเมนบอร์ด
  • ช่องต่อสายบนแผ่นเมนบอร์ด
  • ช่องต่อด้านหลังของเครื่อง

จุดประสงค์การเรียนรู้

  1. สามารถบอก  ส่วนประกอบภายในตัวเครื่องได้ถูกต้อง
  2. สามารถบอกชื่อ และให้รายละเอียดต่างๆ ของสวนประกอบบนแผ่นเมนบอรืดได้
  3. สามารถบอกรายละเอียดของช่องต่อต่างๆ บนแผ่นเมนบอร์ดได้
  4. สามารถบอกรายละเอียดของช่องต่อด้านหลังของเครื่องได้
  5. สร้างความสามัคคี และฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม

1. ส่วนประกอบภายในตัวเครื่อง

        
            ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วย อุปกรณ์หลักต่างๆ ดังนี้
  1. กล่องแหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)
  2. แผ่นเมนบอร์ด (Mother Board)
  3. ตัวขับแผ่นดิสก์  (Floppy Disk Drive)
  4. ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
  5. ตัวขับแผ่นซีดี หรือ ดีวีดี (CD ROM & DVD ROM)

1.1  กล่องแหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)


     แหล่งจ่ายไฟสำหรับคอมพิวเตอร์ หรือ พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างมากต่ออุปกรณ์เกือบทุกตัวในระบบคอมพิวเตอร์ ซัพพลายของคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะการทำงาน คือทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจาก 220 โวลต์ เป็น 3.3 โวลต์, 5 โวลต์ และ 12 โวลต์ ตามแต่ความต้องการของอุปกรณ์นั้นๆ โดยชนิดของพาวเวอร์ซัพพลาย ในคอมพิวเตอร์จะแบ่งได้เป็น 2 ชนิดตามเคส คือแบบ AT และแบบ ATX

1.2 แผ่นเมนบอร์ด (Mother Board)
       มีลักษณะเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่ วางอยู่ด้านข้าง (กรณีตัวถังตั้งแบบ Tower) หรือด้านล่างของเครื่อง(กรณีตัวถังทรงนอนแบบ Desktop) โดยจะเป็นที่รวมของชิ้นส่วนต่างๆคือไอซีต่างๆ เช่น ชิปซีพียู (CPU), ชิปเซต (Chip Set), แผงหน่วยความจำ RAM และช่องเสียบแผ่นการ์ดต่างๆ แผ่นเมนบอร์ด เปรียบเสมือนระบบควบคุมการจราจรของสัญญาต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดความเร็วของเครื่อง รูปแบบของแผ่นเมนบอร์ดหรือเรียกว่า ฟอร์มแฟคเตอร์ (Form Factor) จะแบ่งเป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือ
      1) แบบ ATM     เป็นเมนบอร์ดมาตรฐานใหม่ ซึ่งอินเทลเป็นผู้กำหนดขึ้นมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาว  มากกว่าส่วนกว้าง แต่ขนาดเล็กกว่าแบบ AT
เมนบอร์ดชนิดนี้ได้รับการออกแบบมาให้ซีพียูและ  หน่วยความจำอยู่ใกล้กันซึ่งทำให้ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีตลอดจน ซีพียูถูกวางอยู่ใกล้กับ 
พัดลมระบายความร้อน จึงระบายความร้อนได้ดีขึ้นนอกจากนี้ยังได้กำหนดตำแหน่งและสีของ  ช่องสำหรับต่ออุปกรณ์ไว้ต่างกันเพื่อให้จำได้ง่ายและเป็นมาตรฐานเดียวกันรวมทั้งสามารถที่จะสั่งปิดเครื่องจากวินโดว์ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มปิดเครื่องเองแต่เมนบอร์ดชนิดนี้ต้องใช้กับตัวเคส  ชนิด ATX เหมือนกันเท่านั้น

      2) แบบ Micro  ATX  มีลักษณะรูปร่างทั่วไปจะเหมือนกับเมนบอร์ดแบบATX แต่ได้ลดจำนวนสล็อตลงเหลือเพียง  3-4สล็อตเพื่อให้ราคาจำหน่ายถูกลงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการเสียบการ์ด เพื่อเติมต่างๆบน  สล็อตมากนัก

     3) แบบ Flex  ATX เป็นเมนบอร์ดแบบATX ที่มีขนาดเล็กที่สุด ใช้ประกอบกับเครื่องขนาดเล็กเพื่อประหยัดเนื้อที่   เมนบอร์ดชนิดนี้มักมีอุปกรณ์ Onboardเช่น การ์ดจอ การ์ดเสียงและการ์ดโมเด็มมาด้วยแล้ว  จึงมีสล็อตติดตั้งบนเมนบอร์ดเพียง 2 สล๊อตเท่านั้น 

ส่วนประกอบหลักของเมนบอร์ด จะประกอบด้วย
  1. ไอซี ROM BIOS ซึ้งใช้กำหนดการทำงานพื้นฐานของเครื่อง
  2. ชิปเซตซึ่งเป็นชิปไอซี ตัวใหญ่ ควบคุมการทำงานอุปกรณ์ต่างๆของเครื่อง
  3. ช่องเสียบ ชิปซีพียู (CPU Socket) ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันตามซีพียูที่ใช้
  4. ช่องเสียบแผงหน่วยความจำ RAM
  5. ช่องเสียบขยาย (Expansion Slot) สำหรับเสียบแผ่นการ์ดต่างๆ
  6. ช่องเสียบสายแพควบคุมฮาร์ดดิสก์ และดิสก์ไดร์ฟ



1.3 ตัวขับแผนดิสก์ (Floppy Disk Drive)

          มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลื่ยมขนาดเล็ก ติดตั้งบริเวณด้านหน้าของเครื่อง โดยมีช่องสำหรับเสียบแผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว

1.4 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)



                    มีลักษณะเป็นกล่องเหล็กสี่เหลื่ยมติดตั้งอยู่ภายนเครื่องบริเวณด้านหน้าส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่าตัวขับแผ่น CD เล็กน้อย แต่มีน้ำหนักมากกว่า ฮาร์ดดิสก์จะมีแผ่นจานแม่เหล็กและมีหัวอ่านอยู่ภายในตัวเองไม่สามารถเปลื่ยนแผ่นได้เหมือนดิสก์ไดร์ฟทฮาร์ดดิสก์ที่นิยมใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ IDE ส่วนแบบ SCSI มักใช้ในเครื่องแม่ข่าย (Server) และมีการพัฒนาแบบ SATA (Serial ATA) ขึ้นมาใหม่ ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีขนาดมาตราฐานคือ 5.25 นิ้ว แต่ที่ใช้กับเครื่องโน๊ตบุ๊ค (Notebook) จะมีขนาดเพียง 3.5 นิ้ว

1.5 ตัวขยับแผ่นซีดี หรือ ดีวีดี (CD ROM & DVD ROM)
                


                   มีลักษณะเป้นกล่องสี่เหลื่ยมขนาดใหญ่ ติดตั้งเวณด้านหน้าของเครื่องมีถาดหรือช่องสำหรับใส่แผ่น ซีดี (CD) หรือแผ่นดีวีดี (DVD) ปัจจุบันอาจใช้เป็น CD Wrier ซึ่งสามารถเขียนแผ่น CDหรือ DVD Writer สำหรับเขียนแผ่น DVD หรือใช้เป็น CD Combo Drive ที่สามารถเขียนแผ่น CD และอ่านแผ่น DVD ได้

2. ส่วนประกอบต่างๆบนแผนเมนบอร์ด

     แผ่นเมนบอร์ดนับว่าเป็นส่วนสำคัญ และมีอุปกรณ์หลักของเครื่องติดตั้งอยู่ดังนี้

    2.1 ซีพียู (CPU: Central processing Unit)

         ซีพียู (CPU) คือ อุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดย จะเป็นตัวกำหนดความสำคัญของอุปกรณ์ว่าตัวใดมีความสำคัญมากกว่าซึ่งหากติดตั้งอุปกรณ์ 2 ตัวที่อินเทอรัพ, การแจ้งกับซีพียูว่าจะขอเฉพาะอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากกว่าเท่านั้น ส่วนตัวที่สำคัญน้อยกว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น ถ้าเราต่อการ์ดจอภาพกับการ์ดเสียงที่อินเทอรัพเดียวกัน ซีพียู จะเลือกให้ใช้ได้เฉพาะการ์ดจอภาพเท่านั้น

        1) ซีพียูของอินเทล (Intel)



        CPU หรือ Central Processing Unit คือหัวใจหลักในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จึงขาดซีพียูไม่ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์
กลไกการทำงานของซีพียู
การทำงานของคอมพิวเตอร์ ใช้หลักการเก็บคำสั่งไว้ที่ หน่วยความจำ ซีพียูอ่านคำสั่งจากหน่วยความจำมาแปลความหมายและกระทำตามเรียงกันไปทีละคำสั่ง หน้าที่หลักของซีพียู คือควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ ตลอดจนทำการประมวลผล
ประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานของซีพียู หรือ ความสามารถในการประมวลผล (Processing Power) นั้นขึ้นอยู่กับชนิดหรือรุ่นของซีพียู
โปรแกรมที่ไว้ตรวจสอบแสดงรายะละเอียด อุปกรณ์ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ CPU-Z    




มารู้จักรกับ CPU Intel รุ่นต่างๆ ตั้งแต่ Pentium 4 ขึ้นไป
บริษัท Intel เป็นผู้ผลิตซีพียูสำหรับเครื่องพีซีรายใหญ่ที่สุดของโลก บริษัท Intel ได้ผลิตซีพียู มาตั้งแต่คอมพิวเตอร์รุ่นแรกจนพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จากยุค 386, 486 จนมาใช้ชื่อ Pentium, Pentium Pro, Celeron, Pentium 2, Pentium 3 จากนั้นก็มาถึงยุคของ Pentium 4 แม้ในช่วงที่ AMD เปิดตัว Athlon 64 มาในราคาที่ถูกกว่าและดึงส่วนแบ่งตลาดไปได้มาก แต่ครั้งนี้ Intel กลับมายึดตลาดซีพียูคืนด้วย Core 2 Duo ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ใช้พลังงานน้อย จึงมีความร้อนน้อยกว่า Pentium D เป็นอย่างมาก ซึ่งรายละเอียดตัวอย่าง ซีพียู ของ บริษัท intel มีดังนี้
1. ซีพียูตระกูล Pentium 4
2. ซีพียูตระกูล Pentium D
3. ซีพียูตระกูล Pentium Extreme
4. ซีพียูตระกูล Pentium Dual Core
5. ซีพียูตระกูล Core 2 Duo
6. ซีพียูตระกูล Core 2 Extreme Processor
7. ซีพียูตระกูล Core i7
8. ซีพียูตระกูล Core i7 Extreme
1. ซีพียูตระกูล Pentium 4
670, 661, 660, 651, 650, 641, 640, 631, 630, 551, 541, 531, 521 [มี Hyper-Threading]524, 519K, 516, 511, 506 [ไม่มี Hyper-Threading] CPU Single-core มีความเร็วตั้งแต่ 2.66 - 3.80GHz มี Cache L2 ตั้งแต่ 1 - 2MB มี FSB ตั้งแต่ 533 – 800MHz มีระบบประหยัดพลังงาน Intel SpeedStep (ยกเว้น Pentium 551, 541, 531, 521, 524, 519K, 516, 506) รองรับ EM64T มีเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีของไวรัส ใช้การผลิตแบบ 90 และ 65นาโนเมตร บน LGA775
2. ซีพียูตระกูล Pentium D
960, 950, 945, 940, 930, 925, 920, 915, 840, 830, 820, 805 CPU Dual-core มีความเร็วตั้งแต่ 2.8 - 3.60GHz มี Cache L2 ตั้งแต่ 2 - 4MB มี FSB 800MHz ไม่มี Hyper-Threading มีระบบประหยัดพลังงาน Intel SpeedStep (ยกเว้น PentiumD820,805) รองรับ EM64T มีเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีของไวรัส ใช้การผลิตแบบ 90 และ 65นาโนเมตร บน LGA775
3. ซีพียูตระกูล Pentium Extreme
965, 955, 840 CPU Dual-core มีความเร็วตั้งแต่ 3.20 - 3.73GHz มี Cache L2 ตั้งแต่ 2 - 4MB มี FSB ตั้งแต่ 800 - 1066MHz มีเทคโนโลยี Hyper-Threading ไม่มีระบบประหยัดพลังงาน รองรับ EM64T มีเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีของไวรัส ใช้การผลิตแบบ 90 และ 65นาโนเมตร บน LGA775
4. ซีพียูตระกูล Core 2 Duo
E6700, E6600, E6400, E6300, E7600, E7500, E7400, E7300, E7200, E8600, E8500, E8400 CPU Dual-core มีความเร็วตั้งแต่ 1.86 – 3.33GHz มี Cache L2 ตั้งแต่ 2 - 4MB FSB ตั้งแต่ 1333 - 1066MHz ไม่มี Hyper-Threading มีระบบประหยัดพลังงาน Intel SpeedStep รองรับ EM64T มีเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีของไวรัส ใช้การผลิตแบบ 45นาโนเมตร บน LGA775
5. ซีพียูตระกูล Core 2 Quad
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™2 Quad ซึ่งมีพื้นฐานจากการปฏิวัติทางนวัตกรรมของ Intel® Core™ microarchitecture มอบ หน่วยประมวลผลสี่แกนหลักในโปรเซสเซอร์ตัวเดียว นำมาซึ่งประสิทธิภาพและการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับ การใช้งานแบบมัลติเธรดและมัลติทาสกิ้งในสภาพแวดล้อมการทำงานที่บ้านและใน สำนักงานเวอร์ชั่นล่าสุดของโปรเซสเซอร์นี้สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิต 45nm ของ Intel ที่จะนำประโยชน์ที่แตกต่างมากให้กับคุณ เทคโนโลยีนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ hafnium-infused Hi-k ซึ่ง ช่วยให้โปรเซสเซอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยการเพิ่มความหนาแน่นของ ทรานซิสเตอร์เป็นสองเท่า เป็นการช่วยเพิ่มสมรรถนะและความเร็วเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และช่วยเพิ่มขนาดแคชเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เทคโนโลยีการผลิต 45nm ของ Intel ช่วยให้โปรเซสเซอร์ Intel Core 2 Duo มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าโดยไม่ได้ใช้พลังงานมากขึ้น โปรเซสเซอร์ Intel® quad-core นี้เป็นตัวแทนของความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องของ Intel และเป็นการช่วยผลักดันการใช้งานหน่วยประมวลผลแบบมัลติคอร์
6. ซีพียูตระกูล Core 2 Extreme
CPU Dual-core ความเร็ว 2.93GHz มี Cache L2 ขนาดใหญ่ถึง 4MB FSB 1066MHz ไม่มี Hyper-Threading มีระบบประหยัดพลังงาน Intel SpeedStep รองรับ EM64T มีเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีของไวรัส ใช้การผลิตแบบ 45 นาโนเมตร บน LGA775
7. ซีพียูตระกูล Core i7
Intel Core i7 รุ่นธรรมดา มี 2 รุ่น คือ
1. Intel Core i7 920
= 2.67 GHz ,
= L2 Cache 256x4KB,L3Cache 8MB Share,
= Multiplier 20x
= BusSpeed 133.3 MHz
= QPI 2.4GHz = TDP 130 w
= Socket B LGA 1366
= MMX,SSE,SSE2,SSE3,SSSE3,SSE4.1,SSE4.2,EMT64T
2. Intel Core i7 940
= 2.93 GHz ,
= L2 Cache 256x4KB,L3Cache 8MB Share,
= Multiplier 22x
= BusSpeed 133.3 MHz
= QPI 2.4GHz = TDP 130 w
= Socket B LGA 1366
= MMX,SSE,SSE2,SSE3,SSSE3,SSE4.1,SSE4.2,EMT64T
8. ซีพียูตระกูล Core i7 Extreme
Intel Core i7 Extreme มี 1 รุ่น ดังนี้
Intel Core i7 920
= 3.20 GHz ,
= L2 Cache 256x4KB,L3Cache 8MB Share,
= Multiplier 24x
= BusSpeed 133.3 MHz
= QPI 3.2GHz
= TDP 130 w
= Socket B LGA 1366
= MMX,SSE,SSE2,SSE3,SSSE3,SSE4.1,SSE4.2,EMT64T

                 2) ซีพียู ของ เอเอ็มดี (AMD : Advance Micro Devece)

                บริษัทเอเอ็มดี  เป็นบริษัทผลิตซีพียูอีกบริษัทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและเป็นคู่แข่งของบริษัทอินเทล ดดยซีพียูของเเอ็มดีมีจุดเค่นเรื่องราคาต่ำ แต่มีสมรรถนะเทียบเคียงกับ ซีพียูของอินเทล แม้ว่าช่วงแรกซีพียูของเอเอ็มดี จะมีปัญหาด้านความร้อนแต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหารดังกล่าวแล้ว จึงนับว่าเป็นเป็นซีพียูอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจบริษัทเอเอ็มดี ได้ผลิตซีพียูมาไล่เลียกับบริษัทอินเทล ด้วยช่วงแรกได้ผลิตซีพียู 80486DX4 ซึ่งได้รับว่าเป็นซีพียูที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีชื่อใกล้เคียงกับซีพียูของอินเทลในเงลานั้นคือ 80486 ทำให้อินเทลต้องเปลื่ยนชื่อการผลิตเป็น เพนเทียม แทการใช้ตัวเลข ซึ่งทางบริษัทเอเอ็มดีได้ผลิตออกมาแข่งเช่นกัน โดยใช้ชื่อเป็น K5,K6,   K6-2 และ K6-3 ตามลำดับเพื่อมาแข่งขันกับซีพียู PentiumMMX, Pentium II และPrntium III ของอินเทลในเวลานั้น จากนั้นได้เปลื่ยนชื่อการผลิต  เป็น 2 แบบหลัก คือ
              - แอชลอน (Athlon) เป็นซีพียูความสามารถสูง เพื่อมาแข่งขันกับ Pentium และ
- ดูรอน(Duron)ซึ่งมีความสามาถรองลงมา เพื่อมาแข่งขันกับ Celeron ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตรุ่นใหม่โดยใช้ชื่อเป็น เซมปลอน (Sempron)
สำหรับรูปแบบตัวถังที่ใช้จะมีการออกแบบดังนี้คือ
     - Socket 7 จะใช้ในซีพียูรุ่นแรกๆ คือ K5,K6,K6-2 และ K6-3 
     - Slot A ใช้ในซีพียูรุ่น K7
     - Socket A ใช้ในซีพียู Duron และ Athlon
     - Socket 754 ใช้ในซีพียู Athlon 64 บิต
     - Socket  940 ใช้ในซีพียู Athlon 64 บิต ใช้กับเครื่อง Server และ Athlon FX บางส่วน













             


3) ซีพียู ของ เวีย (VIA) และ ไซริกส์ (Cyrix)




              บริษัทเวีย (VIA) เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตซิปเซต แต่ในปัจจุบันได้ซื้อกิจการของบริษัทไซริกส์ (Cyrix) ซึ่งเป็นบริาัทที่ผลิตซีพียู จึงหันมาพัฒนาชิปซีพียูโดยเน้นผลิตซีพียูราคาต่ำไม่เน้นเรื่องความเร็ว แต่จะเน้นสมรรถนะใช้งานพื้นฐาน และการผลิตพลังงานจึงได้รับความนิยมในวงจำกัดเฉพาะเครื่องที่ต้องการความประหยัด และการใช้งานพื้นฐานทั่วไป โดยรุ่นที่ผลิตในปัจจุบันคือ VIA C3 และ VIA Antaur โดยใช้ถังแบบSocket 370

       2.2 หน่วยความจำ ROM (ROM Bios)


BIOS ย่อมาจาก Basic I O Input Output System ไบออส คือโปรแกรมเล็กๆ ที่ถูกเก็บไว้ในชิป ROM ทำหน้าทีในการตรวจสอบและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ บนเมนบอร์ด และมีส่วนสำคัญมากในการบู๊ตเครื่อง  เพราะไบออสจะคอยตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดหากอุปกรณ์ตัวไหนมีการทำงานผิดพลาด  ไบออสก็จะรายงานหรือส่งสัญญาณเสียงให้เราได้ทราบทันที ไบออส จะทำงานหลังจากมีการเปิดสวิทซ์ ทันที ที่มีการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยจะทำการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ เช่น harddisk, disk drive, cd-rom, ram เป็นต้น


   ไบออส บางครั้งก็เรียกว่า ซีมอส (CMOS) แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นคนละส่วนกัน คือ ไบออส เป็นโปรแกรมที่เก็บในรอม ไม่จำเป็นต้องมีพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการเก็บข้อมูล ส่วน ซีมอส จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลในการบู๊ตระบบ มีหลักการทำงานคล้ายแรม ซึ่งต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าเลี้ยงตลอดเวลา โดยปกติจะอาศัยพลังงานจาก แบตเตอร์รี่ ภายในเครื่องคอมฯ (ปัจจุบัน ไบออสและซีมอส ได้ถูกรวมกันเป็นชิบตัวหนึ่ง ๆ )
    นอกจากนี้ BIOS ยังเป็นตัวกำหนดค่าต่างๆ ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะควบคุมการทำงานของคีย์บอร์ด, การทำงานของ Serial Port, Parallel Port, Video Card, Sound Card, HDD Controllor และอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งนี้ เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นฮาร์ดแวร์ จะทำงานได้ ต้องมีซอฟต์แวร์ประกอบ ซึ่ง BIOS เองก็มีความสำคัญในส่วนนี้ และหากบางครั้ง มีอุปกรณ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา และ BIOS ไม่รู้จักหรือไม่สามารถใช้งานได้ ก็จำเป็นต้องมีการแก้ไขโปรแกรมที่บรรจุใน BIOS ให้รู้จักอุปกรณ์ใหม่ๆ ดังกล่าว ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า "Flash BIOS" นั่นเอง

       2.3 หน่วยความจำ (RAM)

                 หน่วยความจำ RAM ทำหน้าที่รับโปรแกรมที่อ่านจากฮาร์ดดิสก์มาเก็บไว้เพื่อซีพียูประมวลผล รวมทั้งเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน หน่วยความจำ RAM ส่วนใหญ่จะมีลักาณะเป็นแผงเสียบลงในช่องที่เตรียมไว้สบนแผ่นเมนบอร์ด เพื่อช่วยให้สามารถเพิ่มขนาดภายหลังได้สะดวก ไอซีหน่วยความจำรุ่นเก่าจะเป็นแบบ EDO RAM ซึ่งมีความเร็วค่อนข้างต่ำซึ่งปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าไม่มีอยู่ในท้องตลาดแล้ว หน่วยความจำ RAM ที่ยังพบเห็นและยังใช้งานอยู่ในปัจจุบันมี 3 แบบ คือ


       1.SDRAM (Syncronous Dynamic RAM)
                 SDRAM ถูกใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเดิมที่ใช้ซีพียูไม่เกิน 1.3 GHz โดยมีรุ่น PC-66 ซึ่งรองรับความเร็วไม่เกิน 66MHz, รุ่น PC-100 ซึ่งรองรับความเร็วการทำงานไม่เกิน 100MHz และรุ่น PC-133 ซึ่งรองรับความเร็วการทำงานไม่เกิน 133 MHz จะสังเกตได้ว่า SDRAM จะมีร่องบาก 2 ร่อง

        2.DDR SDRAM (Double Data Rate SDRAM)
         

                                                 

                  DDR SDRAM  หรือเรียกสั้นว่า DDR RAM ใช้ในเครื่องรุ่นใหม่โดยพัฒนาจาก SDRAM เดิมดดยให้มีความเร็วการทำงานเป็น 2 เท่า(Double Data  Rate) โดยให้ทำงานทั้งขอบขาขึ้นและขอบขาลง ของสัญญาณนาฬิกา (Clock) จึงมีความเร็วขั้นต่ำถึง266 MHz เรียกว่าDDR -266 พัฒนาต่อมาเป็น DDR-333   จนถึง DDR-400 ที่รองรับความเร็วของการทำงานถึง 400 MHz จะสังเกตได้ว่า DDR RAM จะมีร่องบากเพียงร่องเดียว ปัจจุบันได้ีกาพัฒนาเป็น DDR2 ที่รองรับความเร็นลูงถึง 533 MHz และ 667 MHz

        3 .RD RAM  


            RD RAM หรืออีกชื่อหนึ่งคือ RAM BUS  เป็น หน่วยความจำที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถรองรับความเร็วสูงถึง 800 MHz โดยครั้งแรกตั้งใจจะนำมาทดแทนSDRAM แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงและมีปัญหาด้านความร้อนจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

     2.4 ชิปเซ็ต (Chip Set)















        ชิปเซ็ตเป็นส่วนประกอบหลักของเมนบอร์ด ดดยทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณืต่างๆบนแผ่นเมนบอร์ด โดยมีลักษณะเป็นชิปไอซีขนาดใหญ่ ปกติจะมี 2 ตัวหลัก คือ North Bridge และ South Bridge
            ชิปเซ็ตของ Intel
แต่เดิม Intel จะผลิตชุดชิปเซ็ตที่ประกอบไปด้วยชิปเซ็ตไอซี 2 ตัวตัวแรกเรียกว่า North Bridge หรือ System Controller และตัวที่สองคือ South Bridgeหรือ PCI to ISA Bridge ซึ่งชิปเซ็ตของอินเทลที่ใช้วิธีนี้คือ440BX,440EX,440FX,440LX เป็นต้น ส่วนชิปเซ็ตในรุ่นหลังนี้ อินเทล ได้เปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรมการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า "Accelerated Hub Architecture" โดยมีการเพิ่มชิปเซ็ตตัวหลักจากเดิม 2 ตัวเป็น 3 ตัว โดยมีหลักการทำงานคือ - Graphic & Memory Controller หรือ GMCH ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับชิป North Bridge เดิมโดยGMCH มีอยู่ในชิปเซ็ต i810 ซึ่งมีชิปแสดงผลกราฟฟิคอยู่ในตัว ในภายหลังได้ตัดส่วนนี้ออกไปเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้การ์ดแสดงกราฟฟิคได้ตามความพอใจที่เรียกว่า MCH ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อกับส่วนสำคัญภายในเครื่องได้แก่ ซีพียู หน่วยความจำ และส่วนแสดงผลกราฟฟิค และ I/O Controller Hub โดยผ่านระบบบัสที่มีความเร็วสูง - I/O Controller Hub หรือ ICH ทำหน้าที่คล้ายกับชิปเซ็ต South Bridge แต่เนื่องจากมีความกว้างของช่องทางสื่อสารสูงกว่าชิปเซ็ตตระกูล 4XX จึงมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งรองรับกับมาตรฐานอุปกรณ์ชนิดใหม่ที่ออกมาเช่น การเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์แบบUDMA/66,มาตรฐานAC'97หรือ Modem & Audio Connection สนับสนุนพอร์ต USB ซึ่งเป็นพอร์ตการสื่อสารความเร็วสูง ICH มี 3 รุ่นคือ ICH0(82801AA),ICH(82801BA) และ ICH2 (82801AB)โดย ICH0 นั้นสนับสนุนการเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ด้วยมาตรฐาน UDMA/33 และรองรับการทำงานของสล๊อต PCI ได้สูงสุดเพียง 4 สล๊อต ส่วน ICH สนับสนุนการต่อเชื่อมกับฮาร์ดดิสก์ทั้งมาตรฐาน ATA-33 และ ATA-/66 โดยรองรับการทำงานของสล๊อต PCI ได้สูงสุดถึง 6 สล๊อตสำหรับ ICH2 จะสนับสนุนการเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ตามมาตรฐานใหม่คือ ATA-100 - FimWARE Hub หรือ FWH ชิปเซ็ตตัวนี้เป็นส่วนที่เพิ่มมาจากโครงสร้างแบบเดิม โดยเป็นส่วนที่ไม่มีการ์ดติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเหนือกับ MCH และ ICH หน้ที่ของส่วนนี้จะเก็บโปรแกรมย่อยไว้ภายในเพื่อควบคุมการทำงานของชิปเซ็ต ซึ่งเปรียบเทียบไปก็เสมือนกับหน้าที่ไบออสบนเมนบอร์ดนั้นคือโครงสร้างพื้นฐานของ FWH คือเป็นหน่วยความจำแบบ Flash ขนาด4Mb EEPROM ซึ่งสามารถอัปเกรดได้ด้วยซอฟแวร์เหมือนการแฟลซไบออทั่วไป FWH มีวงจรสร้างตัวเลขแบบสุ่มที่เรียกว่า Random NumberGenerater หรือ RNG ใช้สำหรับเข้าระหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูล ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้จะทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถพัฒนาการเข้ารหัสข้อมูลสำหรับนำไปพิสูจน์ตัวบุคคลหรือการทำธุระกรรมทางอินเตอร์เน็ต หรือ E-commerce Intel ชิปเซ็ตในตระกูล8XX เช่น i810, i820, i840 และ i850 เป็นต้น

               2.5 ช่องเสียบการ์ด (Expansion Slot)







          ช่องเสียบการ์ดหรือ สล็อต (Slot) บนแผ่นเมนบอร์ด จะใช้เป็นส่วนในการขยายการใช้งานโดยจะแบ่งได้ดังนี้
         1. ช่องเสียบแบบ ISA จะมีลักษณะเป็นช่องสีดำยาว มีการส่งผ่านข้อมูลครั้งละ 16 บิตที่ความเร็วเพียง 8MHz ปัจจุบันแทบไม่ค่อยได้พบเห็น ที่ยังคงเห็นอยู่ือใช้กับการ์ดเสียงรุ่นเก่าๆที่มีขั้วเสียบบอร์ดเสริม Wave Table เพื่อรองรับการผลิตเสียง Midi ในโปรแกรมคาราโอเกะ
         2. ช่องเสียบแบบ PCI เป็นช่องเสียบสีขาวส้ัน จะส่งผ่านข้อมูลครั้งละ 32 บิต โดยใช้ความถี่ในการส่งผ่านข้อมูลที่ 33 MHz เป็นช่องเสียบที่มีจำนวนช่วงมากกว่าช่องเสียบแบบอื่นๆ ใช้สำหรับเสียบการ์ดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Sound Card, Modem Card และ LAN Card ในปัจจุบันได้พัฒนาเป็นช่องเสียบรุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูง เรียกว่า PCI Express
         3. ช่องเสียบแบบ AGP เป็นช่องเสียบสีเทาอยู่ใกล้กับซีพียู โดยจะมีเพียงช่องเดียวใช้สำหรับเสียบการ์ดแสดงผล ช่องเสียบแบบ AGP จะมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงมากโดยสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ครั้งละ 32 บิตที่ความถี่ 66 MHz สำหรับ AGP IX จากนั้นได้พัฒนาเป็น AGP 2X,AGP 4X และ AGP 8X ซึ่งสามารถใช้ความถี่ในการส่งข้อมูลสูงถึง 533 MHz
             
               2.6 การ์ดแสดงผล (VGA Card)
               การ์ดแสดงผล หรือ การ์ดจอภาพ จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณภาพดิจิตอล ให้เป็นสัญญาณอนาล็อค เพื่อส่งให้ จอภาพ การแสดงผลจะมี 2 แบบใหญ่ๆ คือ แบบPCI  และแบบAGP ดังรูป


การ์ดแสดงผลแบบ PCI
                  




           โดยการ์ดแสดงผลที่นิยมใช้จะเป็นแบบ AGP ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาถึงระดับ AGP 8X คือมีความเร็วเป็น 8 เท่าของการืดแสดงผล AGP รุ่นแรก โดยมีความเร็วสูงถึง 533 MHz ในขณะที่ การ์ดแสดงผลแบบ PCI ใช้ความเร็วเพียง 33 MHz เท่านั้น การ์ดแสดงผลจะมีชิปประมวลผลด้านภาพโดยเฉพาะ ซึ่งจะรองรับคำสั่งเพิศในการแสดงผลทางกราฟิก และมีหน่วยความจำสำหรับการแสดงผล (Video RAM) ในการเก็บข้อมูลภาพซึ่งจะใช้หน่วยความจำ RAM ที่มีความเร็วสูงกว่าหน่วยความจำปกติที่ใช้งานบนเมนบอรืด ดังนั้นการ์ดแสดงผลจะมีความสามารถในการแสดงผลสุงกว่าภาคแสดงผลบนเมนบอร์ด นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระการทำงานของซีพียูและหน่วยความจำบนเมนบอร์ดในส่วนการแสดงภาพจึงช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานโดยรวม สำหรับชิปแสดงผลที่นิยมใช้กันมี NVIDIA,ATI,Xabre, S3 และ SIS นอกจากนี้บางรุ่นยังมีขั่วต่อสัญญาณ DVI สำหรับการส่งสัญญาณ แบบดิจิตอลโดยตรง และบางรุ่นจะมีขั้วต่อสัญญาณออกจอภาพโทรทัศน์ที่เรียกว่า ขั้วต่อ TVUOT โดยใช้หัวต่อเป็นแบบ RCA หรือแบบ S-Video
         การเลือกใช้งานการ์ดแสดงผลว่าจะใช้รุ่นใดแบบใดมักพิจารณาจากความต้องการในการใช้งานโดยเฉพาะกาารนำไปใช้ในการเล่นเกมส์ซึ่งโปรแกรมเกมส์ส่วนใหญ่จะบอกคุณลักษณะของการ์ดที่ต้องการว่าควรจะใช้ชิปแสดงผลแบบใด และต้องการหน่วยความจำบนการืดเท่าใดสำหรับแผ่นเมนบอร์ดรวม (On Board) ซึ่งจะมีภาคแสดงผลอยู่บนเมนบอร์ดส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการแสดงผลค่อนข้างต่ำ โดยจะมีทั้งแบบที่ใช้ซีพียูในระบบที่ใช้ในการประมวลผลทั่วไปมาประมาลผลด้านข้างด้วย และทำการแบ่งหน่วยความจำจากระบบมาใช้เป็นหน่วยความจำจากระบบมาใช้เป็นหน่วยความจำในการแสดงผล หรือที่เรียกว่า Share RAM ซึ่งแบบดังกล่าวจะเป็นแบบที่มีความสามารถในการแสดงผลต่ำที่สุด ไม่เหมาะกับการใช้เป็นเครื่องสำหรับการเล่นเกมส์อีกแบบคือจะใส่ชิปแสดงผลโดยตรงและหน่วยความจำเฉพาะที่ใช้ในการแสดงผลลงบนเมนบอร์ดแต่แบบนี้ก็จะมีราคาสูงกว่าแบบแรก

                    2.7  การ์ดเสียง (Sound Card)



            การ์ดเสียง หรือ ซาวน์การ์ด (อังกฤษsound card) คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงต่าง ๆ แปลงเป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบสัญญาณทางไฟฟ้า
การ์ดเสียง (Sound card)
เสียงเป็นส่วนสำคัญของระบบมัลติมีเดียไม่น้อยกว่าภาพ ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นอุปกรณ์ จำเป็นที่สำคัญของระบบ คอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย การ์ดเสียงได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างรวดเร็วเพื่อ ให้ได้ประสิทธิภาพของเสียงและความผิดเพี้ยน น้อยที่สุด ตลอดจนระบบเสียง 3 มิติในปัจจุบัน ความชัดเจน ของเสียงจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และ ความแม่นยำ ของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนด โดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความ ละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณ ค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูก กำหนด โดยจำนวนบิตของสัญญาณดิจิตอลเอาต์พุต เช่น - A/D Converter 8 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ - A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของสัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย
    2.8 การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย( Network Interface Card : NIC )


 การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย หรือเรียกว่าการ์ด LAN เป็นการ์ดสำหรับต่อเครื่องพีซี เข้ากับสายเคเบิล ดังนั้นจึงต้องมีพอร์ตสำหรับเสียบสายแบบใดแบบหนึ่งที่จะใช้ หรืออาจมีพอร์ตสำหรับสายหลายแบบก็ได้ เช่น มีพอร์ตสำหรับสายโคแอกเชียล และสำหรับสายคู่ตีเกลียว แต่สำหรับการ์ดรุ่นใหม่ๆ มักจะเหลือแต่พอร์ตสำหรับสายคู่ตีเกลียวเพราะปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยม นอกจากนี้ยังมีการ์ดที่ทำมาสำหรับใช้ต่อกับสายใยแก้วนำแสงซึงมักจะมีราคาแพงและใช้เฉพาะบางงาน
2.9 การ์ดโมเด็ม (Modem  Card)


เป็นโมเด็มแบบอนาล็อคที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณผ่านระบบโทรศัพท์แบบธรรดา เวลาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในแต่ละครั้งจำเป็นจะต้องหมุนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เร็ต (ISP) ด้วย มาตราฐานล่าสุดที่ใช้กันในปัจจุบัน คือ V.92 ซึ่งให้ Bit Rate หรืออัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ 56/33.6 Kbps (รับข้อมูลขาลงจากอินเทอร์เน็ต หรือ Download ที่ความเร็ว 56 Kbps และส่งข้อมูล ขาขึ้น Upload ที่ความเร็ว 33.6 Kbps)

3. ช่องต่อสายบนแผ่นเมนบอร์ด



         นอกจากช่องเสียบ ซีพียู (CPU Socket) ช่องเสียบแผงหน่วยความจำ (Memory Slot) และช่องเสียบการ์ด (Slot) แล้ว บนแผงเมนบอร์ดยังมีช่องต่อสายต่างๆอีกดังนี้คือ 

     1) ช่องต่อไฟเลี้ยง (ATX Power Connector) ใช้ต่อสายไฟเลี้ยงจากกล่อง Power Supply เพื่อมาเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ บนแผ่นเมมบอร์ด สำหรับเมมบอร์ดที่ใช้กับซีพียูเพนเทียม 4 จะมีช่องเสียบไฟเลี้ยง 12 โวลต์ เพิ่มขึ้นมา ดังรูป เพื่อช่วยในการจ่ายกระแสไฟให้กับซีพียู 

        2) ขั้วต่อสายแพสำหรับสำหรับอุปกรณ์ IDE – ใช้สำหรับต่อสายควบคุมฮาร์ดดิสและซีดีรอมแบบ IDE ซึ่งจะมีสองช่อง ใช้ต่อกับฮาร์ดดิสเพื่อการรับส่งข้อมูลความเร็วสสูง 

        3) ขั้วต่อสายแพฟล๊อบปี้ดิสก์ (FDD Connector) – ใช้ต่อกับตัวขับแผ่นดิสก์ เพื่อการควบคุมการทำงานและการส่งข้อมูลจากตัวอ่านแผ่นดิสก์ ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่าช่องต่อสายแบบ IDE 

        4) ช่องต่อ Serial ATA – จะมีบนแผ่นเมนบอร์ดที่รองรับการใช้งานฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่แบบ Series ATA ซึ่งสามารถส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 150 MB ต่อวินาทีทั่วไปจะมีช่องต่อ 2 ช่อง

        5) ช่องต่อ USB – ใช้ต่อกับสายต่อของตัวถังเครื่อง Case ที่ทำช่องต่อ USB ทางด้านตัวเครื่องเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ในการเสียบอุปกรณ์ USB ต่างๆ

         6) ช่องต่อสาย Audio CD – จะมีบนแผ่นเมนบอร์ดที่มีวงจรภาคเสียงบนแผ่น (Sound On Board) เพื่อเสียบสายสัญญาณเสียงจาก ซีดีรอม

         7) ช่องใส่แบตเตอรี่แบบกระดุม – ใช้ใส่แบตเตอรี่แบบกระดุมรุ่น CR-2032 สำหรับรักษาข้อมูลในการตั้งค่าไบออส (BIOS Setup) โดยจะใช้เป็นไฟเลี้ยงในส่วนของไอซี CMOS ที่เก็บข้อมูลตั้งค่าของไบออส

         8)หัวต่อสายสัญญาณ (System Panel Connector) – มีลักษณะเป็นหลักสำหรับเสียบสายสัญญาณต่างๆ เข้ากับตัวถังเครื่อง

         9) จัมเปอร์ (Jumper) – จะเป็นหลักสำหรับเสียบตัว Jump สาย เพื่อกำหนดการทำงานบางอย่าง ปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เพียงการล้างข้อมูลการติดตั้งของ CMOS เท่านั้น

4.ช่องต่อสายด้านหลังของเครื่อง


        1) ช่องต่อแป้นพิมพ์ ใช้สำหรับเสียบแป้นพิมพ์แบบ PS/2 

        2) ช่องต่อเมาส์ ใช้สำหรับเสียบแป้นพิมพ์แบบ PS/2

        3) ช่องต่อแบบขนาน เป็นช่องต่อรับ-ส่งข้อมูลแบบขนาน โดยข้อมูลจะถูกส่งพร้อมๆกันหลายบิตใช้ต่อกับอุปกรณ์รับส่งข้อมูลแบบขนาน

        4) ช่องต่อแบบอนุกรม ใช้ต่อกับอุปกรณ์ที่รับส่งข้อมูลแบบอนุกรม คือ ส่งทีละบิตเรียงกัน โดยความเร็วในการส่งจะไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะใช้กับอุปกรณ์สื่อสาร 

        5) ช่องต่อ USB (USB Port) เป็นช่องต่อแบบใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อย โดยจะรับส่งข้อมูลแบบอนุกรมที่ความเร็วสูง ใช้กับอุปกรณ์รุ่นใหม่แบบ USB ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนภาพ ฯลฯ 

        6) ช่องต่อจอภาพ (VGA Port) จะมีในเมนบอร์ดแบบรวมภาคแสดงผลไว้บนบอร์ด

        7) ช่องต่อเสียง (Sound Port) มีในเมนบอร์ดที่รวมวงจรภาคเสียงไว้ภายใน โดยจะมีช่องสำหรับเสียบลำโพง, เสียบไมค์ แบะเสียบสัญญาณเสียงอื่นๆ 

        8) ช่องต่อสายแลน (Lan Port) ใช้สำหรับต่อสายแลนที่ใช้หัวต่อแบบ RJ-45 เพื่อเชื่อมคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่าย


แบบฝึกหัดหน่วยที่ 2

1.หัวต่อจ่ายไฟของแหล่งจ่ายไฟมีลักษณะ
  ก. 6 ลักษณะ
  ข.8 ลักษณะ
  ค.3 ลักษณะ
  ง. 4 ลักษณะ

2.เมนบอร์ดหรือที่เรียกกันว่า ฟอร์มแฟคเตอร์ แบ่งเป็นแบบใหญ่ๆได้กี่แบบ
  ก.  2 แบบ
  ข. 3 แบบ
  ค. 4 แบบ
  ง. 5 แบบ

3.แผนเมนบอร์ดแบบ ATX มีช่องเสียบสีขาวแบบ PCI จำนวนกี่ช่อง
  ก. 3-4 ช่อง
  ข. 4-5 ช่อง
  ค.  5-6 ช่อง
  ง. 6-7 ช่อง

4.ส่วนประกอบใดต่อไปนี้ที่ไม่ได้อยู่ในเมนบอร์ด
  ก. ไอซี ROM BIOS
  ข.  ช่องเสียบ ชิปซีพียู
  ค. Power Suppy
  ง. ช่องเสียบหน่อยความจำ

5. ฮาร์ดดิสก์ แบบ SCSI ได้มีการพัฒนามาเป็นแบบใด
 ก.  IDE
 ข. SATA
 ค.  MMX
 ง.  CD ROM

6. บริษัทแรกผลิตที่ซีพียูในเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี คือ บริษัทใด
  ก.บริษัทเอเอ็มดี
  ข. บริษัทเวีย
  ค. บริษัทไซริกส์
  ง.บริษัท อินเทล

7. ซีพี่ยูของบริษัท อินเทล แบ่งออกเป็นกี่ชนิดใหญ่ๆ
  ก. 2 ชนิด
  ข.  3 ชนิด
  ค. 4 ชนิด
  ง.5 ชนิด

8. ชื่อซีพี่ยูรุ่นใดไม่ใช่ของบริษัทอินเทล
 ก. Pentium
 ข.Pentium 4
 ค. Pentium MMX
 ง. K5

9. ซีพียูรุ่น Pentium III และ Celeron ใช้ใน Socket ใด
 ก. Socket 7
 ข. Socket 370
 ค. Socket 423
 ง. Socket 775

10. ชื่อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ซีพียูของบริษัท เอเอ็มดีผลิต
  ก. K5
  ข. VIA C3
  ค. Duron
  ง.Athlon

11. บริษัทเอเอ็มดีได้ผลิตซีพียูรุ่นใหม่โดยใช้คือว่า
  ก. Duron
  ข.Athlon
  ค.คSemporon
  ง.K7

12. หน่วยความจำ RAM ที่ยังพบเห็นและใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีกี่แบบ
 ก. 2 แบบ
 ข. 3 แบบ
 ค. 4 แบบ
 ง. 5 แบบ

13. ชื่อไหนที่ไม่ใช่ ชื่อ หน่วยความจำRAM
 ก. Celeron
 ข. SDRAM
 ค. DDR SDRAM
 ง. RD RAM

14. RD RAM อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า
 ก. DDR RAM
 ข. RAM BUS
 ค. DDR-400
 ง. SDRAM

15.การ์ดแสดงผล หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า
 ก. การ์ดความจำ
 ข. การ์ดสัญญาณ
 ค. การ์ดจอภาพ
 ง. การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น