ก่อนการใช้งานหรือประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ควรทราบพื้นฐานด้านนนนนนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ รวมทั้งรู้จักอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเห็นภาพรวมของคอมพิวเตอร์ รวมทั้งความรู้พื้นฐานในการวิเคราะห์ปัญหา และการเลือกซื้ออุปกรณ์ให้เหมาะสมต่อไป
เรื่องที่จะศึกษา
- องค์ประกอบในการใช้งานคอมพิวเตอร์
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
จุดประสงค์การเรียนรู้
- อธิบายองค์ประกอบในการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้
- อธิบายรายละเอียดขององค์ปรกอบต่างๆ
- อธิบายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขั้นพื้นฐานได้
- อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆได้
1.องค์ประกอบในการใช้งานคอมพิวเตอร์
การนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ คือ1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เช่น ตัวเครื่อง จอภาพ คีย์บอร์ด และเมาส์ เป็นต้น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยทั่วไปจะมีฮาร์ดแวร์หลัก ๆ ได้แก่
1. ตัวเครื่อง (Case) ทำหน้าที่ในส่วนของการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับมาจากอุปกรณ์นำเข้าต่างๆ ซึ่งภายในตัวเครื่องจะมีอุปกรณ์หลัก ได้แก่ แผงวงจรหลัก หม้อแปลงไฟฟ้า ซีพียู ฮาร์ดดิสก์ หน่วยความจำ การ์ดแสดงผล การ์ดเสียง เป็นต้น
2. จอภาพ (Monitor) ทำหน้าที่แสดงผลข้อความ รูปภาพ
3. ดิสก์ไดร์ฟ (Disk drive) เป็นอุปกรณ์อ่าน-เขียนข้อมูลบนดิสก์เก็ต
4. คีย์บอร์ด (Keyboard) ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
5. เม้าส์ (Mouse) เป็นส่วนที่ใช้สั่งงานด้วยการชี้และเลือกสิ่งต่างๆที่แสดงอยู่บนจอภาพ
6. ลำโพง (Speaker) เป็นส่วนที่ใช้แสดงผลที่เป็นเสียง
2. ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นลำดับขั้นตอนของการทำงาน
ชุดคำสั่งเหล่านี้ได้จัดเตรียมไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์อ่านชุดคำสั่งแล้วทำงานตาม ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดทำขึ้น
และคอมพิวเตอร์จะทำงานตามคุณลักษณะของซอฟต์แวร์ที่วางไว้แล้วเท่านั้น
แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ ซอฟต์แวร์จัดระบบ และ ซอฟต์แวร์ใช้งาน
- ซอฟต์แวร์จัดระบบ (System Software) หรือเรียกกันทั่วไปในอีกชื่อหนึ่งคือ ระบบปฎิบัติการ (Operating System) ได้แก่ ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดระบบการติดต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ และเป็นฐานให้โปรแกรมอื่นมาทำงานรวมไปถึงการจัดการเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ในการใช้งาน ซอฟต์แวร์จัดระบบที่รู้จักกันดีได้แก่ ระบบปฏิบัติการ ไมโครซอฟต์วินโดวส์ ซึ่งมีรุ่นต่างๆ ดังนี้
Windows 98 เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจางวินโดวส์ 95 โดยพัฒนาด้านเสถียรภาพการทำงานและ การพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยมีโปรแกรมดูเว็บ (Web Browser) คือ Internet Explorer (IE) เพิ่มเติมเข้ามาในเวอร์ชันนี้

Windows ME เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาและจัดจำหน่ายในปี คศ. 2000 โดยปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ของวินโดวส์ 98 และเพิ่มสีสรรความสวยงาม รวมทั้งรองรับ ฮาร์ดแวร์ใหม่เช่น USB Flash Drive ได้โดยไม่ต้องลงไดร์วเวอร์
Windows NT เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับ การใช้งานในระบบเครือข่ายโดยมีทั้งแบบที่ใช้งานในเครือข่ายโดยมีทั้งแบบที่ใช้กับเครื่องลูกข่าย คือ Windows NT Workstation และ แบบที่ใช้กับเครื่องแม่ข่ายคือ Windows NT Server

Windows 2000 หรือ Windows NT เปิดตัวเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นระบบปฏิบัติการเอ็นที มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ใช้ขั้นสูงและกลุ่มธุรกิจ ในช่วงนี้ได้แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ Professional, Server, Advanced Server, Datacenter Server, Advanced Server 64-bit Limited Edition
วินโดวส์ 2000 อยู่ในการสนับสนุนจนถึง13 กรกฎาคม 2553
Windows XP หรือ วินโดวส์ เอ็นที 5.1 และ เอ็นที 5.2 เปิดตัว 25 ตุลาคม พ.ศ. 2544เป็นวินโดวส์เอ็นทีรุ่นแรก ที่พัฒนาขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้ทั่วไป พัฒนาขึ้นจาก วินโดวส์ เนปจูน ถูกยุบรวมกับวินโดวส์ Whistler ส่วนวินโดวส์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ใช้ขั้นสูงและธุรกิจ จะมีแยกต่างหากอีก 2 ตัว ที่ใช้เลข เอ็นที 5.1 และ 5.2 คือ วินโดวส์ ฟันเดเมนทัลส์ ฟอร์ เลกาซี พีซีส์ และ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 ตามลำดับ โดยคำว่า เอกซ์พี มาจากคำว่า Experience แปลว่า ประสบการณ์ ซึ่งเป็นวินโดวส์ที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง แม้จะเปิดตัวมาแล้วถึง 9 ปี แต่จากข้อมูลในเดือนกันยายน 2553 พบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ยังใช้วินโดวส์เอกซ์พีมากถึงร้อยละ 60 ของผู้ใช้ทั้งหมด ในขณะที่วินโดวส์รุ่นอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน มีส่วนแบ่งร้อยละ 31 และระบบปฏิบัติการอื่นที่ไม่ใช่วินโดวส์ ประมาณร้อยละ 9 วินโดวส์ เอกซ์พี มีการออกรุ่นปรับปรุงตามหลังมาอีกพอสมควร ซึ่งผู้ใช้สามารถตรวจสอบรุ่นของซอฟต์แวร์ได้เอง โดยกด Start แล้วเลือก Run แล้วพิมพ์ sysdm.cpl หรือ winmsd.exe แล้วกด Run จะขึ้นหน้าต่างข้อมูลให้ผู้ใช้รับทราบ รุ่นปรับปรุงที่ออกมา จะปรากฏคำว่า Service Pack
เอกซ์พีรุ่นแรก ที่ไม่มี Service Pack ไมโครซอฟท์ได้ยุติการสนับสนุนเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2547, เอกซ์พีรุ่นปรับปรุง SP1 และ 1a ยุติการสนับสนุน 10 ตุลาคม พ.ศ. 2549, รุ่นปรับปรุง SP2 32 บิต ยุติการสนับสนุน 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ส่วนรุ่นปรับปรุง SP2 64 บิต และ SP3 จะสนับสนุนต่อไปจนถึง 8 เมษายน พ.ศ. 2557 ส่วนวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 จะได้รับการสนับสนุนต่อจนถึง 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 และวินโดวส์ ฟันเดเมนทัลส์ ฟอร์ เลกาซี ยังแผนจะยุติการสนับสนุนอีกด้วยและ การสนับสนุน Windows XP ที่มี Service Pack 2 (SP2) ได้หยุดลงในวันที่ 13 กรกฎาคม 2553
ซอฟต์แวร์ใช้งาน (Application Software) ได้แก่ โปรแกรมต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์การใช้งานต่างๆแตกต่างกันไป โดยอาจแบ่งออกเป็น 9 ประเภทดังนี้
1. ซอฟต์แวร์ชุดสำนักงาน (Office Software) คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานตามสำนักงานต่างๆ ส่วนใหย่จะผลิตจำหน่วยในลัการะเป็นชุดโปรแกรม (Package Software) ที่ใช้งานแพร่หลายทั่วไป ได้แก่ ซอฟต์แวร์ชุดไมโครซอฟต์ออฟฟิต (Microsoft Office) ซึ่งประกอบด้วยซอฟต์แวร์หลักในการทำงานื 4 ตัว คือ Microsoft Word สำหรับการพิมพ์งานเอกสารต่างๆในสำนักงาน Microsoft Excel สำหรับการคำนวนค่า การสร้างกราฟ และการวิเคราะห์ข้อมูล Microsoft PowerPoint ที่ใช้ในการนำเสนองานต่างๆ และ Microsoft Access ที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล นอกจากซอฟต์แวร์ชุด ไมโครซอฟต์ออฟฟิต แลัวยังมี ชุดออฟฟิตปลาดาว (Padao Office) ออฟฟิตทะเล (Talae Office) และสตาร์ออฟฟิต ( Microsoft Office)ซึ่งเป็น ซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้ใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในด้านลิขสิทธิ์โปรแกรม
2. ซอฟต์แวร์กราฟิค (Graphic Software) ได้แก่ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างภาพตกแต่งภาพ เช่น Corel Draw, Free Hand, Illustrator, Adobe Photoshop, Macromedia Flash เป็นต้น
3. ซอฟต์แวร์อินเทอร์เน็ต (Internet Software) ได้แก่ ซอฟต์แวรื ที่ใช้งานกับระบบอินเทอร์เน็ต เช่น ซอฟต์แวร์ ที่ใช้ดูข้อมูลเว็บ (Web Browser) เช่น Internet Explorer หรือที่เรียกย่อๆว่า IE, Netscape Navigator, Opera, Mosaic โปรแกรมจัดการอีเมาล์ เช่น Outlook Express,Eudora โปรแกรมสนทนาแบบออนไลน์ เช่น MSN, Yahoo Messenger, ICQ QQ เป็นต้น
4. ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์(Utility) ได้แก่ โปแกรมที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือ (Tool) ให้ความช่วยเหลือในการใช้งาน และ การปรับแต่งต่างๆเช่น โปรแกรมป้องกันไวรัส เช่น Norton Anti Virus , McAfee Auti Virus โปรแรกมจัดแบ่งพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ เช่น Partition Magic โปรแกรมบีบอัดข้อมูล เช่น Winzip, WinRaR เป้นต้น
5.ซอฟต์แวร๋มัลติมีเดีย (Multimedia Software) ได้แก่ ซอฟตืวรืที่ช่วยสร้างความบันเทิงต่าง๐เช่น โปรแกรม Power DVD ที่ใช้ดูภาพยนตร์ จากแผ่นหนังและไฟล์ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ โปรแกรม Win Amp ที่ใช้ในการฟังจากไฟลื Audio และ ไฟลื MP3 และไฟล์ที่ใช้ในการบันทึกเสียง ปรับเสียง เป็นต้น
6. ซอฟต์แวร์ในการช่่วยอกแบบ ( CAD : Computer Aid Design) เช่น โปรแกรม Auto CAD ซึ่งใช้ในการออกแบบและคำนวนในการหาค่าในงานก่อสร้าง และงานเครื่องมือกล, โปรแกรม ORCAD และ Propel ซึ่งใชในการออบแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, โปรแกรม VISIO ซึ่งใช้ช่วยในการเขียนแบบงานนนนนต่างๆ เป็นต้น
7. ซอฟต์แวร์ในงานสร้างสื่อการสอน (CAI : Computer Aid Instruction ) คือซอฟต์แวร์ที่ใช้ช่วยใการสร้างสื่อการสอนหรือ แบบเรียนทางคอมพิวเตอร์ เช่น Author Ware รวมไปถึงซอฟตืแวรืที่ช่วยในการสร้างสื่อผ่านเว็บไซต์
8.ซอฟต์แวร์เกมล์ (Game) ได้แก่ โปรแกรมเกมส์ต่างๆ ที่สร้างความบันเทิง ทั้งเกมส์ที่เล่น เครื่องเดียว หรือ เล่นเกมส์พร้อมกันหหายเครื่องเป้นเครือข่าย รวมไปถึง เกมสือินเทอร์เน็ต
9. ซอฟต์แวร์ภาษา (Computer Language) คือ ซอฟต์แวรืที่ใช้เขียนโปรแกรม เพื่อพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์ใช้งาน เช่น Turbo BASIC, Turbo Pascal, Turbo C , Visual BASIC, Delphi และ Visual C เป็นต้น
พีเพิลแวร์ (People ware) ได่แก่บุคลากรทางการคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในงานคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst ) นักเขียนโปรแกรม (Programmer) ผู้ทดสอบโปรแกรม (Debugger) รวมไปถึงผู้ใช้งาน (User)
องค์ประกอบทั้ง 3 สิ่งนี้ ถือว่าเป็นหัวใจในการใช้งานคอมพิวเตอร์ หากขาดหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะทำให้ไม่สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และปัยหาต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ก็จะเกิดจากองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ การแก้ปัญหาจะต้องวิเคราะห์ว่าเกิดจากองค์ประกอบใดเพื่อจะได้แก้ไขได้อย่างถูกวิธี
2.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
1. คีย์บอร์ด (Keyboard) อุปกรณ์รับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส เพื่อบอกให้คอมพิวเตอร์รู้ว่ามีการกดตัวอักษรอะไร แผงแป้นอักขระส่วนใหญ่เป็นไปตามมาตรฐานของเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งระบบรับรหัสตัวอักขระที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์เป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต (Operator)
- แบบทางกล (Mechanical) ใช้ลูกกลิ้งกลม - แบบใช้แสง (Optical mouse)
- แบบไร้สาย (Wireless Mouse)
2. เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์นำเข้าข้อมูลโดยการเลื่อนเมาส์เพื่อบังคับตัวชี้ไปยังตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอ
3. จอภาพ Monitor เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่มีชื่อเรียกมากมาย เช่น Monitor, CRT (Cathode Ray Tube) สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ เช่น แบ่งเป็นจอแบบตัวอักษร (Text) กับจอแบบกราฟิก(Graphic) โดยจอภาพแบบตัวอักษรจะมีหน่วยวัดเป็นจำนวนตัวอักษรต่อบรรทัด เช่น 80 ตัวอักษร25 บรรทัด สำหรับจอภาพแบบกราฟิก จะมีหน่วยวัดเป็นจุด (Pixel) เช่น 640 pixel x 480 pixel
ลักษณะภายนอกของจอภาพก็คล้ายๆ กับจอโทรทัศน์นั่นเอง สิ่งที่แสดงออกทางจอภาพมีทั้งข้อความ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว โดยรับข้อมูลจากการ์ดแสดงผล (Video Card, Video Adapter) ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เสียบบนเมนบอร์ด ทำหน้าที่นำข้อมูลจากหน่วยประมวลผล มาแปลงเป็นสัญญาณภาพ แล้วส่งให้จอภาพแสดงผล
การทำงานของจอภาพ เริ่มจากการกระตุ้นอุปกรณ์หลอดภาพให้ร้อน เกิดเป็นอิเล็กตรอนขึ้น และถูกยิงด้วยปืนอิเล็กตรอน ให้ไปยังจุดที่ต้องการแสดงผลบนจอภาพ ซึ่งที่จอภาพจะมีการเคลือบสารฟอสฟอรัสเรืองแสง เมื่ออิเล็กตรอนเหล่านี้วิ่งไปชน ก็จะทำให้เกิดแสงสว่าง ซึ่งจะประกอบกันเป็นรูปภาพ ในการยิงลำแสดงอิเล็กตรอน มันจะเคลื่อนที่ไปตามแนวขวาง จากนั้นเมื่อกวาดภาพ มาถึงสุดขอบด้านหนึ่ง ปืนลำแสงก็จะหยุดยิง และ ปรับปืนอิเล็กตรอนลงมา 1 line และ เคลื่อนที่ไปยังขอบอีกด้านหนึ่ง และทำการยิ่งใหม่ ลักษณะการยิงจึงเป็นแบบฟันเลื่อย
4. เครื่องพิมพ์ (Computer printer) คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษ ทั้งรูปภาพและอักษร เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer)
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ การทำงานของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้คือจะใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้นๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่นๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลงกระดาษที่ใช้ พิมพ์ จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะ สมกับราคา แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ ในปัจจุบันส่วนใหญ่ นิยมใช้กันมี 2 แบบ
เครื่องพิมพ์แบบ 9 เข็ม
เครื่องพิมพ์แบบ 24 เข็ม
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Inkjet printers)
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต (Inkjet Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทำการพ่นหมึกออกตามแต่ละจุดในตำแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้ อย่างแม่นยำ ตามความต้องการของเรา ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ โดยรูปที่มีความซับซ้อนมากๆเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจนและคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์
เครื่องพิมพ์เลเซอร์
เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่น หมึกมาก
พล็อตเตอร์ (Plotter)
พล็อตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์แบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนกระดาษ ซึ่งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้เหมาะกับงานเขียนแบบของวิศวกรและสถาปนิก และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ
เครื่องสแกน (scanner)
เครื่องสแกน คือ อุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์แบบกราฟิก ที่มีหน้าที่ ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ (รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาด) ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถนำข้อมูลดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ ในการแสดงผลที่หน้าจอ ทำให้สามารถแก้ไข ตกแต่งเพิ่มเติม และจัดเก็บข้อมูลได้คำว่าสแกน (scan) หมายถึง กราดตรวจ, กราดภาพ
โมเด็ม (Modem)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นแอนะลอก และแปลงสัญญาณแอนะลอกกลับเป็นดิจิทัล มาจากคำว่า MOdelatory/DEModulator กระบวนการแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นแอนะลอก เรียกว่า มอดูเลชัน (Modlation) และกระบวนการแปลงสัญญาณแอนะลอกกลับเป็นดิจิทัล เรียกว่า ดีมอดูเลชัน (Demodulation)
โดยวิธีการจะเป็นการแปลงรูปทรงของคลื่นเพื่อให้สามารถรับรู้สารสนเทศแบบดิจิทัลได้เท่านั้น เช่น กรรมวิธีการเปลี่ยนแปลงความถี่ของคลื่น (frequency) รอบคลื่นปกติในคาบเวลาที่กำหนดให้อาจใช้แทนบิต 0 หรือกรรมวิธีเปลี่ยนแปลงช่วงกว้างของคลื่น (amplitude) อาจใช้แทนบิต 1 นั่นคือ ความสูงของคลื่นปกติอาจมีนัยนะแทน 1 ในขณะที่คลื่นที่ต่ำกว่าใช้แทน 0 เนื่องเพราะว่า คุณสมบัติของคลื่นย่อมไม่อาจแปลงรูปทางเป็นลักษณะเปิด/ปิด เพื่อแทนสัญญาณดิจิทัลได้อย่างตรงๆ
ดังนั้น จะพบว่าโมเด็มจึงมีลักษณะผสมผสานเพราะว่ามันไม่สามารถส่งผ่านสัญญาณดิจิทัลโดยคงคุณสมบัติทั้งหมดไว้ได้โดยสมบูรณ์ ดังนั้งจึงได้มีการพัฒนาทางเลือกใหม่ๆ เช่น ISDN, ADSLเป็นต้น
เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS)
UPS (Un-interruptible Power Supply) คือ เครื่องสำรองไฟฟ้าและปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติในกรณีที่ไฟจากการไฟฟ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา เช่นไฟตก ไฟเกิน ไฟดับ หรือไฟกระชาก เป็นต้น โดยที่ UPS จะจ่ายพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพในทุกสถานการณ์ ตลอดจน เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ (โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อ) รวมถึงมีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าหรือคอมพิวเตอร์ เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า
ลำโพง (Speaker)
เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลข้อมูลเสียง โดยต้องใช้งานคู่กับอุปกรณ์ ที่เรียกว่า การ์ดเสียง(sound card) ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรกนิกส์ที่เสียบอยู่กับเมนบอร์ด ภายในตัวถัง หรือที่เรียกว่าเคท(cartridge) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ตัวนี้ทำหน้าที่แปลง สัญญาณดิจิทัลที่ส่งมาจาก เครื่องคอมพิวเตอร์ ให้เป็นสัญญาญแอนาล็อก แล้วส่งผ่านไปยัง ลำโพง ซึ่งจะแปลงสัญญาณที่ได้รับ เป็นเสียงให้เราได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง หรือ เสียงเตือนถึงข้อผิดพลาด
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1
1. ข้อใดไม่จัดเป็นองค์ประกอบในการใช้งานคอมพิวเตอร์
ก. Hardware
ข. Software
ค. People ware
ง. User ware
2. ซอฟต์แวร์แบ่งเป็น กี่ประเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. 9 ประเภท
3. ข้อใดไม่ใช่ซอฟต์แวร์จัดระบบ
ก. MS Windows
ข. MS Excel
ค. Linux
ง. Unix
4. ข้อใดเป็นซอฟต์แวรืที่นิยมใช้ในสำนักงานทั่วไป
ก. MS Office
ข. Corel Draw
ค. Power DVD
ง. Turbo C่
5. บุคลากรที่นิยมใช้ในสำนักงานทั่วไป
ก. Programmer
ข. Analyzer
ค. System Analyst
ง. Debugger
6. ลักษณะของเมาส์แบบสกอร์คือ
ก. ไม่มีลูกกลิ้ง
ข. ไม่มีสาย
ค. มีช่องต่อพิเศษ 2แบบ
ง. มีล้อหมุนตรงกลาง
7. ถ้าต้องการยถนอมสายตา ควรเลือกจอภาพชนิดใด
ก. LED
ข. LCD
ค. CRT
ง. Monitor
8. ถ้าต้องการพิมพ์งานทีต้องการสำเนาเอกสารต้องใช้เครื่องพิมพ์แบบใด
ก. Dot Matrix
ข. Ink Jet printer
ค. Laser Jet Printer
ง. Plotter
9. เครื่องที่รวมเครื่องพิมพ์เข้ากับเครื่องสแกนภาพเรียกว่า
ก. Print & Scan
ข. Print Server
ค. All in One Printer
ง. General Printer
10. ข้อใดเป็นจุดเด่นของ โมเด็มติดตั้งภายนอก (External Modem)
ก. ราคาถูกกว่า
ข. กินไฟน้อยกว่า
ค. เคลื่อนย้ายสะดวกกว่า
ง. ถูกทุกข้อ
11. อุปกรณ์สำหรับชี้ตำแหน่งของงานที่หน้าจอภาพ คืออุปกรณ์ใด
ก.มอนิเตอร์
ข. เมาส์
ค.ยูพีเอส
ง.จอภาพ
12.โปรมแกรมต่างๆที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์แบ่งออกได้2ประเภทคือ
ก. ซอฟต์แวร์จัดระบบ และ ซอฟต์แวร์ใช้งาน
ข.ซอฟต์แวร์จัดโปรแกรม และ ซอฟต์แวร์ใช้งาน
ค.ซอฟต์แวร์อินเทอร์เนต และ ซอฟต์แวร์จัดระบบ
ง.ซอฟต์แวร์มัลติมิเดีย และ ซอฟต์แวร์ใช้งาน
13.System Software หรือที่เรียกกันทั่วไปอีกชื่อหนึ่งคือ
ก. Application Software
ข. Operating System
ค.Office Software
ง.Grapihp Software
14. Windows ME เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาและจัดจำหน่ายในปี คศ. ใด
ก.1988
ข.1997
ค.1999
ง.2000
15. Internet Explorer (IE) ได้มีการพัฒนาเพื่อรับรองการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยมีโปรแกรมดูเว็บ(Web Browser) ในWindows ใด
ก. Windows 95
ข. Windows ME
ค. Windows 98
ง. Windows NT